สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina Tablet ) ชนิดอัดเม็ด บรรจุ 250 เม็ด
สาหร่ายเกลียวทอง (สไปรูมิน่า ) ชนิดอัดเม็ด 100% ( 100% Spirulina )
**ลักษณะเป็นเม็ดสีเขียว
บรรจุ 250 เม็ด/Tablets
แนะนำที่ 2-4 เม็ด ก่อน( 5 นาที ) หรือ พร้อมมื้ออาหาร วันละ 2 ครั้ง
** สามารถทานได้วันละ 4-8 เม็ด
ทั้งชนิดผง และ ชนิดเม็ด เป็นสาหร่ายเกลียวทอง(สไปรูมิน่า) 100% ในส่วนของการดูดซึม ทั้งสองชนิดไม่ต่างกันมากค่ะ
แบบเม็ดจะทานง่ายกว่า ในท่านที่ไม่ชอบกลิ่น ( หอมสาหร่าย)
แบบผง จะสามารถทานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะผสมน้ำดื่ม เครื่องดื่ม หรือ อาหารต่างๆ ซึ่งแบบผง จะได้ปริมาณที่คุ้มค่ากว่าค่ะ
ชนิดเม็ด บรรจุ 250 เม็ด ( น้ำหนักสาหร่ายรวม 125 กรัม )
“สาหร่ายเกลียวทอง เป็นสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Spirulina plantensis เป็นพืชที่เกิดขึ้นเมื่อ 3500 ล้านปีมาแล้ว เป็นสาหร่ายหลายเซลล์ขนาดเล็ก ที่มองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น
•
จุดเด่นมากๆ ที่หาได้ยากจากพืชก็คือ โปรตีน ที่มีอยู่มาก และ มีวิตามิน B12 ที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้ในการสร้างเม็ดเลือดแดง และ บำรุงระบบประสาท เรามาตามดูกันค่ะ ว่านอกจากจุดเด่นทั่งสองนี้แล้ว ยังมีอะไรต่อไปอีก
•
1.) สาหร่ายสไปรูลิน่ามีกรดไขมัน แกมม่า ไลโนเลนิกในปริมาณสูง เป็นรองแต่น้ำนมแม่เพียงอย่างเดียว กรดไขมัน GLA เป็นสารตั้งต้นของฮอร์โมนพรอสต้าแกลนดิน กรดไขมัน GLA ทำให้ไขมันคลอเลสเตอรอลในเลือดลดลง เป็นผลให้ชั้นในของหลอดเลือดไม่มีฝ้าไขมันจับ เลือดไหลเวียนสะดวก หัวใจไม่ขาดเลือดมาหล่อเลี้ยงและส่งผลให้ความดันโลหิตปกติ
•
2.) เม็ดสีน้ำเงินไฟโคไซยานิน มีอยู่แต่ในสาหร่ายสไปรูลิน่าเท่านั้น และมีคุณสมบัติที่วงการแพทย์ให้ความสนใจ เม็ดสีนี้ได้พัฒนาตัวเองมาถึง 3600 ล้านปี มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ และเพิ่มความต้านทานให้ร่างกาย เป็นความหวังของผู้ป่วยที่เป็นมะเร็ง โรคเอดส์ และเป็นความหวังว่าจะเข้ามาแทนที่การใช้ยาปฏิชีวนะในคนได้ต่อไป
•
3.) สาหร่ายสไปรูลิน่ามีวิตามินบี 12 ซึ่งโดยทั่วไปวิตามินนี้ จะมีในเนื้อสัตว์เท่านั้น ไม่มีในพืช วิตามินบี12 จะช่วยในการผลิตเม็ดเลือดแดง และบำรุงระบบประสาท ช่วยให้กรดนิวคลีอิกสามารถซ่อมหรือสร้าง DNA ซึ่งนักมังสวิรัติไม่ทานเนื้อสัตว์จึงขาดวิตามินบี12 ง่ายมาก
ในโครงสร้างของวิตามินบี12 ยังมีธาตุโครเมียมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นตัวทำให้การทำงานของฮอร์โมนอินซูลินเผาผลาญน้ำตาลได้ดีขึ้น
•
4.) สาหร่ายสไปรูลิน่ามีธาตุเหล็กสูง ซึ่งธาตุเหล็กนี้อยู่ในไฟโคไซยานิน มีหน้าที่ไปสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ธาตุเหล็กในสาหร่ายจะดูดซึมและนำไปใช้ได้ง่าย สาหร่ายสไปรูลิน่าจึงเหมาะกับผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง และผู้หญิงวัยเจริญพันธ์ซึ่งต้องเสียเลือดในรอบเดือน เหล็กยังทำหน้าที่เปลี่ยนเบต้าแคโรทีนให้เป็นวิตามินเออีกด้วย
•
5.) เม็ดสีเหลืองส้ม คือ กลุ่มของคาโรทีน ซึ่งตัวที่สำคัญคือ เบต้าแคโรทีน มีปริมาณสูงในสาหร่ายสไปรูลิน่า มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ โดยจะทำงานร่วมกับวิตามินอีและธาตุซีลีเนียม ทำให้เกิดอำนาจในการต้านอนุมูลอิสระสูงมาก สาหร่ายจึงเหมาะกับการใช้อาหารเสริมเพื่อป้องกันโรคเสื่อมทั้งหลาย ชะลอความแก่ และ เบต้าแคโรทีนยังเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ซึ่งสำคัญต่อสายตา การเห็น ผิวพรรณ และภูมิต้านทาน
•
6.) สังกะสีในสาหร่ายสไปรูลิน่ามีค่อนข้างสูง ในอาหารปกติจะมีธาตุสังกะสีไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความต้องการในแต่ละวัน ดังนั้นการทาน สาหร่ายเป็นอาหารเสริมจึงทำให้ร่างกายไม่ขาดธาตุสังกะสี สังกะสีสำคัญในฐานะทำหน้าที่เป็นตัวเร่งเอนไซม์ประมาณ 140 ชนิดในร่างกายให้ทำงาน และสังกะสีนอกจากร่วมต้านอนุมูลอิสระด้วยแล้ว ยังมีความสำคัญต่อการแบ่งตัวของเซลล์ เซลล์ที่แบ่งตัวเร็วจะต้องมีสังกะสีพอเพียง จึงพบมากในอวัยวะสืบพันธุ์ การเจริญพัฒนาทางเพศ (ชายใช้สังกะสีมากกว่าหญิง) เม็ดเลือดแดง ตับ เป็นต้น ถ้าขาดสังกะสีแผลและการอักเสบจะหายช้า ดังนั้นนักกีฬาจึงนิยมกินสาหร่ายสไปรูลิน่าเพราะทำให้ฟื้นตัวเร็ว
ข้อมูลส่วนหนึ่งจากหนังสือ:
Food Of The Future
โดย ศ.ดร.นพ สมศักดิ์ วรคามิน
🍃🍃🍃🍃🍃🍃🍃🍃🍃🍃🍃🍃🍃🍃
และที่สำคัญสาหร่ายสไปรูลิน่านี้ เพาะเลี้ยงและผลิตในประเทศไทย ในพื้นที่อากาศบริสุทธิ์ ณ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ปราศจากสารโลหะหนัก เพราะที่ฟาร์มแห่งนี้ ใช้น้ำดื่มในการเลี้ยง สะอาด ปลอดภัย ทุกขั้นตอนค่ะ
•ชนิดเม็ด(บรรจุ 250 เม็ด) ราคา 680.- บาท
*น้ำหนัก 125 กรัม
•ชนิดผง (บรรจุ 250 กรัม) ราคา 825.- บาท